*
บทความนี้เป็นเพียงข้อมูลพื้นฐานเบื้องต้น
สำหรับผู้สนใจลงทุนในในตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น
หากนักลงทุนตัดสินใจสมัครเป็นลูกค้าและใช้บริการของบริษัทหลักทรัพย์ใด
ควรทำความรู้จักหลักทรัพย์ ,ผลตอบแทน , ความเสี่ยง
ด้วยการศึกษา
และติดตามข้อมูลเกี่ยวกับหลักทรัพย์จากสิ่งพิมพ์
,ข่าวสาร ,เอกสารเผยแพร่ ,วิทยุ ,โทรทัศน์ หรือ
ข้อมูลจากเว็บไซต์ต่าง ๆ เช่น
www.set.or.th
;
www.settrade.com
;
หรือ
www.kimeng.co.th
หรือ
จากเว็บไซต์ของบริษัทหลักทรัพย์อื่น
ๆ
ศิริวัฒน์แซนวิช
:
นักสู้ผู้ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา

ด้วยความชื่นชม
และประทับใจในเรื่องราวชีวิตของ
คุณศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ
จึงเป็นเหตุผลที่นำมาเสนอ
คงมีบางสิ่งที่สะกิดใจคนที่กำลังท้อแท้ให้ลุกขึ้นสู้บ้าง
คุณศิริวัฒน์
วรเวทวุฒิคุณ
การศึกษา
-
มัธยมศึกษาที่
ร.ร.อัสสัมชัญศรีราชา และร.ร.อัสสัมชัญพาณิชย์
- ปริญญาตรีบริหารการเงิน
มหาวิทยาลัยเทกซัส สหรัฐอเมริกา
การทำงาน -
บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์กรุงเทพธนากร
- บริษัทเบอรี่ยุคเกอร์
- บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย
( ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ปัจจุบันคือ
บริษัทเอบีเอ็น แอมโร
เอเซีย จำกัด ) 11 ปี
สมัยนั้นเป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุด
ช่วงเวลาที่คุณศิริวัฒน์ทำงานนั้น
บริษัทมีกำไรถึง 200 ล้าน
แต่ความรู้สึกที่ว่าเจ้านายไม่เห็นความสำคัญ ทำให้คุณ
ศิริวัฒน์ ตัดสินใจลาออกมาเป็นนักธุรกิจเต็มตัว
เวลานั้นไทยได้รับขนานนามว่า
เสือเศรษฐกิจตัวที่ 5 ของเอเชีย
เม็ดเงิน มากมายหลั่งไหลเข้ามาเสนอให้นักธุรกิจกู้ยืม
สถาบันการเงินต่างกู้เงิน
จากต่างประเทศ นำมาปล่อยกู้ให้นักธุรกิจไทย
โดยแสวงหากำไรจากส่วนต่าง
จากอัตราดอกเบี้ย
นักธุรกิจไทย ต่างโตด้วยเครดิต
โตด้วยเงินกู้ กู้เพื่อขยายกิจการ ในช่วงที่
สถาบันการเงินต่างแข่งขันกันหารายได้จากส่วนต่างดอกเบี้ย
มาตรฐานในการสรร
หาลูกค้า การพิจารณาโครงการต่าง ๆ
จึงไม่ได้พิถีพิถัน เข้มงวด ตรวจสอบ กรณีลูกค้า
เงินกู้ไม่ได้นำไปทำโครงการตามที่เสนอกับสถาบันการเงิน
หากนำไปหมุนเวียนใน
เรื่องอื่น ๆ
คุณศิริวัฒน์
ได้กู้เงินมาสร้างคอนโดมิเนียมสุดหรูสูง 3 ชั้น 2 ตึก
28 ห้อง
มาดมั่นที่จะขายต่อผู้มีฐานะร่ำรวย
ตั้งใจขายเมื่อสร้างเสร็จ ราคาขายตั้งแต่ 5 - 15
ล้านบาท
ช่วงระหว่างก่อสร้างปัญหาเล็กใหญ่ปะปนกันไปหมดทั้งเรื่อง
บุคคลากร
แบบ วัสดุอุปกรณ์ โครงการจึงเสร็จล่าช้าในต้นปี
2540 ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจไทย
แย่มากการส่งออกตกต่ำ
และไทยเราเป็นหนี้ต่างประเทศ 90,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
เงินบาทตอนนั้น อยู่ที่ 25 - 26 บาท ต่อ 1
เหรียญสหรัฐ
สำนักวิจัยหลายสำนักต่างออกมาเตือนว่า
เศรษฐกิจไม่ดีแล้วนะ แต่ไม่มีใครเชื่อ
พอ 2 ก.ค.2540 ผู้ว่าการธปท.ก็ออกมาเผยว่าไทยเราเข้าโครงการ
IMF
เรียบร้อยแล้ว
และเงินบาทจาก 26 บาท ก็กลายเป็น 56 บาท ต่อ 1
เหรียญสหรัฐ
เจ้าหนี้เงินกู้ทั้งหลายต่างวิตกและเริ่มงดการปล่อยกู้
และทวงเงินกู้คืน ปัญหาที่ตามมา
ก็คือ หลายบริษัทหลายธนาคาร ต่างพากันปิดสาขา
และปลดพนักงานออก ในส่วน
คุณศิริวัฒน์
ทึ่ตั้งใจขายคอนโดเมื่อสร้างเสร็จ จึงไม่มีลูกค้า
ไม่ได้ขายสักยูนิตเดียว
ไม่มีเงินจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้
ไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนพนักงาน พนักงานจึงลาออกไปบาง
ส่วน และยังอยู่ฝากชีวิตทั้งครอบครัว ไว้กับคุณศิริวัฒน์เกือบ
30 คน
คุณศิริวัฒน์
วรเวทวุฒิคุณ
ที่เคยเป็นนักลงทุนผู้มั่งคั่ง , นักวิชาการที่มีชื่อ
เสียง ,กรรมการ บล.เอเซีย จำกัด ได้เลือกทำแซนวิช
ราคาขาย 15 - 30 บาทเร่ขายริม
ถนน ณ บริเวณที่มีผู้คนสัญจรไปมามากที่สุด
เพื่อให้มียอดขายมากที่สุด ทั้งกระดาก
และอาย
แต่คุณศิริวัฒน์ก็กล้าหาญ
เหนือสิ่งอื่นใด จุดขายที่ท้าพิสูจน์ใจคุณศิริวัฒน์
ก็คือ หน้าธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ ถนนสีลม
ที่ ๆ ซึ่งเขาเคยยิ่งใหญ่ เคย
เป็นกรรมการผู้จัดการ บล.เอเซีย จำกัด
ในเครือธนาคารกรุงเทพ พนักงานในอาคาร
ต่างเคยรู้จักเขาในฐานะผู้บริหารระดับสูงของที่นี่
ไม่ใช่ คนสิ้นเนื้อประดาตัวที่มีกะบะ
สีเหลืองคล้องคอยืนเร่ขายแซนวิช
ที่ต้องต้องคอยหลบ คอยวิ่งหนีเทศกิจที่จะเข้าจับกุม
ไม่เวลาใดก็เวลาหนึ่ง
มากมายที่มองเขาด้วยสายตา ประหลาดใจ ตลก ขำ เหยียดหยาม
สมเภช และมากมายเช่นกัน ที่ส่งสายตา คำพูด
การกระทำ ที่ให้กำลังใจเขาทั้งคนที่รู้จัก
และไม่เคยรู้จักมาก่อน
ด้วยความที่เป็นนักสู้ผู้ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา
ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค เป็นตัวอย่าง
เป็นกำลังใจให้กับผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ
ทำให้เรื่องราวของคุณศิริวัฒน์
ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนทุกแขนงทั้งไทยและต่างประเทศในหลายแง่มุม
การที่
ผู้คนได้รู้จักเขาผ่านสื่อต่าง ๆ
เท่ากับเป็นการโฆษณายี่ห้อ
"ศิริวัฒน์แซนวิช"ไปในตัว
สินค้าของเขาเป็นที่ติดหูติดตาของประชาชนในประเทศในเวลาอันรวดเร็ว
โดยไม่ต้อง
เสียงบประมาณการโฆษณาประชาสัมพันธ์
แซนวิช ของคุณศิริวัฒน์ขายดีจนต้องขยายจุดขายมากมายตามริมถนน
โรงพยาบาล
และโรงเรียนโดยใช้โลโก้เป็นรูปบอลลูนลอยผูกติดเงินบาทมีคำว่า
IMF
และบอก พ.ศ.2540
จากที่เคยอยู่ในวงการตลาดทุนมาก่อนเขาจึงหวังไว้ว่า
สักวันศิริวัฒน์แซนวิชจะได้เข้ามา
เป็นบริษัทมหาชน
ระดมทุนจากประชาชนในตลาดหลักทรัพย์
ให้ประชาชนเป็นทั้งลูกค้า
และเป็นเจ้าของ เป็นแม็คโดนัลเมืองไทยเลย
สำหรับผู้เขียนอยากใช้สำนวนหนังจีนในเรื่องนี้ว่า
" สวรรค์มีตา ฟ้าลิขิต "
แหล่ะ

ผู้สนใจต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม
เข้าดูได้ที่เว็บไซท์ของ "ศิริวัฒน์แซนด์วิช"
http://www.sirivatsandwich.com/thistory.htm
|