*
บทความนี้เป็นเพียงข้อมูลพื้นฐานเบื้องต้น
สำหรับผู้สนใจลงทุนในในตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น
หากนักลงทุนตัดสินใจสมัครเป็นลูกค้าและใช้บริการของบริษัทหลักทรัพย์ใด
ควรทำความรู้จักหลักทรัพย์ ,ผลตอบแทน , ความเสี่ยง
ด้วยการศึกษา
และติดตามข้อมูลเกี่ยวกับหลักทรัพย์จากสิ่งพิมพ์
,ข่าวสาร ,เอกสารเผยแพร่ ,วิทยุ ,โทรทัศน์ หรือ
ข้อมูลจากเว็บไซต์ต่าง ๆ เช่น
www.set.or.th
;
www.settrade.com
;
หรือ
www.kimeng.co.th
หรือ
จากเว็บไซต์ของบริษัทหลักทรัพย์อื่น
ๆ
คาถาบริหารเงิน ปีมะแม ลงทุนระวัง
ลดเฟ้อใช้จ่าย
อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ระดับต่ำต่อเนื่อง ทำให้ปี 2546
เป็นปีที่คนไทยต้องเผชิญกับความยุ่งยากในการบริหารเม็ดเงินที่มีอยู่ให้งอกเงย
หนทางในการเพิ่มมูลค่าให้เงินออมหดแคบลงพร้อมกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ลดต่ำ
และปัจจัยที่ไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ซึ่งบั่นทอนการฟื้นตัวของตลาดทุน
ขณะที่โอกาสเพิ่มค่าของเม็ดเงินน้อยลง ในฟากการจับจ่ายใช้สอยกลับมีแนวโน้มตรงข้าม
อัตราดอกเบี้ยเงินฝากต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ส่งผลให้ผู้คนตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น
และไม่ใช่แค่การจับจ่ายจากรายได้ที่มีเข้ามาเท่านั้น
แต่ยังมีแนวโน้มว่าสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำทั้งในรูปบัตรเครดิต และสินเชื่อเงินผ่อน
จะจูงใจให้ผู้คนก่อหนี้เพื่อการบริโภคระเริงมือ
เพื่อรับมือกับภาวะดอกเบี้ยเงินบาทใกล้ 0%
ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารเงินให้คำแนะนำไว้ว่าจะต้องใช้หลัก "อนุรักษนิยม" และ
"ระมัดระวัง" ให้มากทั้งทางด้าน "ขาออก" และ "ขาเข้า" ของกระเป๋าสตางค์
ใน "ขาเข้า" หรือการเพิ่มค่าให้กับเงินออม โดยเฉพาะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
ต้องคำนึงถึงปัจจัยไม่แน่นอนของสถานการณ์สงคราม ส่วน "ขาออก"
แม้ดอกเบี้ยต่ำจะเอื้อประโยชน์ต่อการบริโภค รวมไปถึงการก่อหนี้ แต่ควรเลือกจับจ่ายหรือก่อหนี้เพื่ออนาคตให้มากกว่าความพึงพอใจระยะสั้น
เรียบเรียงจาก กรุงเทพธุรกิจ รายวัน วันพุธที่ 1
มกราคม 2546
|