สวัสดีเพื่อนๆนักเดินทางทุกท่านครับ.....
ผมไม่ได้เข้ามาอัพเดทนานพอสมควร
ทั้งที่เมืองลำปางมีหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป
จนตามแทบไม่ทันทีเดียว
เศรษฐกิจช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี
46 นี้
ในภาพรวมสดใสทีเดียว
เห็นได้ชัดเจนจากดัชนีตลาดหุ้นไทยจาก
300กว่าจุดเมื่อต้นปี ปัจจบันมาปิดที่เกือบ
600 จุด
ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่านักลงทุนในห้องค้า
หรือที่บ้าน
(ปัจจุบันเทรดกันผ่านคอมฯพ่วงเน็ตที่บ้านก็มีไม่น้อย)
ทำกำไรหน้าบานไปตามๆกัน
เอาแค่ในลำปาง
บรรดาพ่อค้านักธุรกิจ
และผู้ที่เบื่อหน่ายกับดอกต่ำๆของธนาคาร
เริ่มสนใจนำเงินมาลงทุนซื้อ-ขายหลักทรัพย์กันมากขึ้นจนบริษัทโบรกเกอร์ทั้ง
3 แห่งยิ้มไปด้วยเช่นกัน
ภาวะเช่นนี้ภาษาเซียนหุ้นเรียกว่า
"กระทิง"
แต่จากการพบปะพูดคุยกับบรรดาพ่อค้าแม่ขาย
และผู้ประกอบการ
หลายคนบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าปีนี้การค้ายังไม่ดีขึ้น
บางรายขายได้มากขึ้นแต่แลกด้วยการหั่นราคาลง
จนเหลือกำไรเพียงเล็กน้อย
พอประคับประคองกิจการไปได้เท่านั้น
ทำไมจึงเกิดภาพที่แตกต่างเช่นนี้
?
ในความคิดของผม
เข้าใจเอาว่าช่วง 6 - 8
เดือนที่ผ่านมา
เงินจำนวนมหาศาลถูกดูดเข้าไปสู่ภาคการเงินและการลงทุนในรูปแบบต่างๆ
ที่เห็นได้ชัดคือตลาดหลักทรัพย์
ในขณะที่ภาคธุรกิจจริง
(Real Sector Business)
กลับหยุดนิ่งแทบไม่เคลื่อนไหว
ซึ่งสภาพนี้จะเห็นได้ชัดเจนในต่างจังหวัด
มากกว่าที่กรุงเทพฯ
ซึ่งยังคงเป็นศูนย์รวมของทุนทางเศรษฐกิจของประเทศอยู่
ภาคธุรกิจที่เป็นจริง
มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อการกระจายรายได้
และความยั่งยืนทางเศรษฐกิจที่แท้จริง
ตัวอย่างเช่นเมื่อเศรษฐกิจของประเทศเติบโต
ชาวบ้านมีเงินในกระเป๋ามากขึ้น
ร้านค้าก็ขายสินค้าได้มากขึ้น
เมื่อขายไม่ทันก็จำเป็นต้องจ้างแรงงาน
จ้างคนมาช่วย คนงานก็มีรายได้
มีเงินในกระเป๋ามาจับจ่ายใช้สอย
หมุนเวียนเป็นวัฎจักรทางเศรษฐกิจที่แท้จริง
ก็หวังว่าเมื่อเข้าสู่ภาวะ
"หมี"
หรือย่างน้อยตลาดหุ้นลดความร้อนแรงลง(เพราะราคาสูงมาก)
กำไรที่ได้จากการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างๆ
คงจะแบ่งปันมาสู่ภาคการลงทุนที่แท้จริงในต่างจังหวัดบ้าง
- บอกอ -
11 ตุลาคม 2546
******************************
เว็บไซท์
อีนิวส์
"ลำปางซีเอ็นเอ็น"
มุ่งมั่นจะเป็นสื่อสมัยใหม่อีกรูปแบบหนึ่งสำหรับชาวลำปาง
และชาวต่างจังหวัดทุกท่าน
ในอันที่จะแลกเปลี่ยนความรู้,
ความเข้าใจ, ประสบการณ์,
และเจตคติที่ดีงาม
ก่อให้เกิดประโยชน์แก่
ตนเอง และสังคมโดยรวมในที่สุด |